กัม-โควิด-วัก (
รัสเซีย: Гам-КОВИД-Вак,
อักษรโรมัน: Gam-COVID-Vac, ออกเสียง: [gamˈ kovʲɪt vɐk]) เป็น
วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งใช้
ไวรัสอะดีโนเป็น
พาหะ (adenovirus viral vector) และพัฒนาโดยสถาบันระบาดวิทยาและจุลชีววิทยากามาเลีย จดทะเบียนเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2563 โดยกระทรวงสาธารณสุขรัสเซีย และมีชื่อทางการค้าว่า
สปุตนิกวี (
รัสเซีย: Спутник V,
อักษรโรมัน: Sputnik V, ออกเสียง: [ˈsputʲnʲɪk vʲi])
[2][3] โดยคำว่า "วี" ไม่ได้หมายถึง
เลข 5 ใน
อักษรโรมัน แต่เป็น
อักษร v ที่ย่อมาจากวัคซีน
[4] เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 การวิเคราะห์ผลระหว่างกาลจากโครงการทดลองได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร
The Lancet ซึ่งระบุ
ประสิทธิศักย์ของวัคซีนถึง 91.6% โดยไม่มี
ผลข้างเคียงที่ผิดปกติ
[5]กัม-โควิด-วัก ได้รับการอนุมัติในขั้นต้นให้จำหน่ายในรัสเซียและประเทศอื่น ๆ อีก 59 ประเทศ (จนถึงเดือนเมษายน พ.ศ. 2564) โดยอาศัยผลการศึกษาเบื้องต้นของการวิจัยทางคลินิกระยะที่ Ⅰ–Ⅱ ซึ่งเผยแพร่ในวันที่ 4 กันยายน 2563
[6] การอนุมัติอย่างรวดเร็วในช่วงต้นเดือนสิงหาคมของวัคซีน กัม-โควิด-วัก ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ในสื่อมวลชนและมีการอภิปรายกันอย่างเข้มข้นในชุมชนวิทยาศาสตร์ว่าการตัดสินใจนี้มีเหตุผลอันสมควรหรือไม่จากการที่ไม่มีการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันหนักแน่นถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพของวัคซีน
[7][8][9]การกระจายวัคซีนฉุกเฉินจำนวนมากเริ่มในเดือนธันวาคม 2563 ในหลายประเทศ รวมถึง
รัสเซีย,
อาร์เจนตินา,
เบลารุส,
ฮังการี,
เซอร์เบีย และ
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกได้สั่งซื้อสปุตนิก วี เกินกว่าพันล้านโดสแล้วเพื่อแจกจำหน่ายให้แก่ประชาชนทันทีสำหรับประเทศไทย จนถึงวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 วัคซีนนี้อยู่ในระหว่างยื่นเอกสารแก่ อย. ให้ครบเพื่อขึ้นทะเบียน รัฐบาลไทยมีแผนจะนำเข้าวัคซีน 5-10 ล้านโดสภายในสิ้นปี 2564